เชื่อได้เลยว่าเราถูกปลูกฝังกันมาตั้งแต่เด็กให้รู้จักการเก็บออม ประกันออมทรัพย์จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการออมเงินที่คนรุ่นใหม่เลือกทำ เพราะให้สิทธิประโยชน์มากมาย ช่วยเตรียมพร้อมสำหรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เพียงแค่เริ่มต้นวางแผนทางการเงินไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ให้ชัดเจน เราก็จะสามารถรับมือกับผลกระทบทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นในแบบคาดไม่ถึงได้ และยังมีเงินไว้ใช้ตอนบั้นปลายชีวิตด้วย

ประกันออมทรัพย์ คืออะไร?

ประกันออมทรัพย์เป็นรูปแบบหนึ่งของประกันชีวิต ช่วยให้เราวางแผนการเงินเพื่ออนาคตได้ ทำให้สามารถเก็บออมในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นการเตรียมความพร้อมด้านการเงินสำหรับวัยเกษียณ หรือเหตุการณ์สำคัญ ๆ ในอนาคต สำหรับการกำหนดจ่ายเบี้ยประกันนั้น จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละบริษัท ผู้ทำประกันจะต้องจ่ายค่าเบี้ยตามระยะเวลาที่กำหนด และต้องจ่ายจนครบสัญญา เมื่อครบแล้วทางบริษัทประกันจะจ่ายเงินก้อนคืนให้แก่เรานั่นเอง

ในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝันระหว่างที่อยู่ในความคุ้มครองของประกัน ทางบริษัทประกันจะมีการชดเชยให้ในส่วนนี้ ซึ่งผู้รับผลประโยชน์ก็จะเป็นคนที่เราได้ระบุไว้ในสัญญา เงินที่จะได้รับก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและขอบเขตของกรมธรรม์ที่สมัครไว้ ดังนั้นจำเป็นต้องอ่านและเข้าใจเงื่อนไขในกรมธรรม์อย่างรอบคอบ เพื่อทราบถึงความคุ้มครองที่ได้รับจากการทำประกัน

4 ข้อดีของการทำประกันออมทรัพย์

ประกันออมทรัพย์
  1. มีความเสี่ยงต่ำ

การออมเงินผ่านประกันชีวิตออมทรัพย์จะมีผลตอบแทนที่แน่นอน เราจะได้ผลตอบแทนคืนเมื่อชำระเบี้ยครบสัญญา และจะได้รับความคุ้มครองตามที่ระบุในสัญญา ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีในการสร้างวินัยในการออมเงิน โดยการออมเงินรูปแบบนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการได้รับผลตอบแทนที่การันตีแบบชัดเจน

  1. แผนประกันมีความยืดหยุ่น

ส่วนใหญ่แล้วประกันออมทรัพย์จะกำหนดระยะเวลาการชำระเบี้ยประมาณ 8-15 ปี สิ่งที่ยืดหยุ่นคือเบี้ยที่ต้องชำระต่อปี เราสามารถแจ้งความประสงค์กับตัวแทนประกันภัยได้ ซึ่งตัวแทนจะคำนวณและเสนอแผนประกันให้ตามความเหมาะสมกับเราได้

  1. ได้ความคุ้มครองชีวิต

นอกจากช่วยออมเงินแล้วเราจะได้รับสิทธิ์ในการคุ้มครองชีวิตด้วย หากวันหนึ่งผู้ทำประกันเกิดการเสียชีวิตขึ้นในระหว่างการส่งเบี้ยประกัน ทำให้ไม่สามารถส่งเบี้ยต่อได้ ทายาทหรือบุคคลที่เราเลือกระบุไว้ขณะทำกรมธรรม์จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทน ไม่เหมือนการออมเงินหรือการลงทุนประเภทอื่น ๆ ซึ่งหากไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ ผลประโยชน์จะต้องแบ่งให้กับทายาททุกคนในจำนวนที่เท่ากัน

  1. ใช้ลดหย่อนภาษีได้

คุณสามารถนำค่าเบี้ยประกันไปใช้สิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีส่วนบุคคลได้ ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดถึง 100,000 บาท/ปี ถือว่าได้ประโยชน์ถึง 2 ต่อ เพราะได้ทั้งออมเงินและประหยัดภาษีทุกปี

อย่าเพิ่งทำประกันออมทรัพย์ หากคุณไม่เข้าใจครบทุกมุม

ทุกสิ่งย่อมมี 2 ด้านเสมอ ประกันชีวิตก็เช่นกัน แม้จะมีข้อดีมากมายและทุกคนควรทำก็ตาม ก็ยังมีบางมุมที่คุณต้องรู้ก่อนเลือกทำประกันด้วยเช่นกัน โดยมี 2 เรื่องที่คุณควรคำนึงร่วมด้วย คือ

  1. อาจส่งผลต่อสภาพคล่องทางการเงิน 

ต้องเข้าใจก่อนว่า การทำประกันออมทรัพย์จะไม่สามารถถอนเงินออกมาได้เหมือนการฝากเงินทั่วไป เราต้องฝากเงินไว้จนกว่าจะครบตามสัญญา ถ้าหากจะถอนเงินก่อนกำหนด ต้องทำเรื่องขอกู้เงินจากกรรมธรรม์ซึ่งก็จะมีดอกเบี้ยจากการกู้ยืมนี้ หรือหากไม่สามารถจ่ายต่อไปได้ ก็ต้องทำเรื่องขอเวนคืนกรมธรรม์ แต่อาจจะได้รับเงินคืนที่น้อยกว่าที่จ่ายเบี้ยไป ซึ่งจำนวนเงินนั้นจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการออมด้วย หากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ย่อมไม่เกิดความคุ้มค่าเพราะเงินต้นหายไปนั่นเอง

  1. ได้รับผลตอบแทนไม่สูงมาก

ผลตอบแทนที่ได้รับ อาจไม่สูงเท่าการลงทุนอย่างอื่น เช่น การซื้อหุ้น การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือกองทุน เป็นต้น เพราะประกันชีวิตจะเหมาะกับคนที่เน้นการออมเงินพร้อมได้รับการคุ้มครองชีวิต มีความเสี่ยงต่ำแบบไม่เสี่ยงที่จะสูญเสียเงินต้นไป และมีความต้องการสร้างความมั่นคงทางด้านการเงินสำหรับอนาคต จึงควรมุ่งเป้าหมายไปที่การสร้างพอร์ตนี้เพื่อความคุ้มครองระยาว มากกว่าการหวังผลกำไรสูง ๆ

ประกันออมทรัพย์จึงเป็นการสร้างความมั่นคงอย่างหนึ่งเพื่ออนาคต ในปัจจุบันมีกรมธรรม์หลากหลายแบบให้เราได้เลือกพิจารณา ควรเลือกให้เหมาะสมกับตัวเราเองมากที่สุด ทั้งนี้ควรพิจารณาและทำความเข้าใจให้ดีก่อนเริ่มตัดสินใจทำประกัน เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนให้ตรงกับความต้องการของเรานั่นเอง